ได้ยินโดยใช้สายตา

การที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอาจสร้างปัญหาหลายประการต่อผู้พิการทางการได้ยิน รวมถึงปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยี ข้อจำกัดในการใช้งาน และช่องว่างด้านข้อมูล ชุมชนผู้พิการทางการได้ยินมักจะพบกับความยากลำบากในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิผลมากกว่าผู้คนกลุ่มอื่นๆ จนส่งผลทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวและหงุดหงิด

การสื่อสารคือรากฐานความต้องการของมนุษย์ ในขณะที่ผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินมองว่าการไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างคล่องตัวอาจจะส่งผลกระทบในวงกว้างได้ ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวและการประกอบอาชีพเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นปัจจัยที่เข้าไปกีดขวางความสามารถในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในสังคมของคนกลุ่มนี้อีกด้วย หากแก้ไขปัญหานี้ได้จะกลายเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถในการได้ยินอย่างไรก็ตาม

แปลงคำพูดให้กลายเป็นภาพ

คริสโตเฟอร์ และไมเคิลจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางได้แนวคิดที่ชาญฉลาดซึ่งสามารถลดช่องว่างในการสื่อสารสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการได้ยินได้สำเร็จ โครงการของพวกเขาเกี่ยวข้องกับแว่นตา AR ที่ทำงานร่วมกับแอปมือถือ แนวคิดที่รวมองค์ประกอบทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพของระบบปัญญาประดิษฐ์ในการถอดเสียงพูด และพิมพ์ข้อความออกมาเป็นคำพูดแบบเรียลไทม์ในแว่นตา ระบบนี้ช่วยให้การโต้ตอบระหว่างผู้ที่มีปัญหาในการได้ยิน และผู้คนรอบข้างราบรื่นยิ่งขึ้น

เส้นทางของพวกเขาเริ่มต้นมาจากความเข้าใจถึงความยากลำบากที่ชุมชนผู้มีปัญหาทางการได้ยินต้องเผชิญอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงผสานความเชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาเข้าด้วยกัน อาทิเช่นระบบปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการออกแบบรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงแถมยังใช้ง่ายอีกด้วย แว่นตา AR จะคอยบันทึกภาษาพูดและแสดงผลการถอดเสียงที่ได้ยินได้ในทันที ในขณะที่แอปมือถือช่วยให้ผู้ใช้รับข้อความที่แอปถอดเสียงออกมา การผสานการทำงานของเทคโนโลยีที่ทำได้อย่างกลมกลืนนี้ช่วยให้มีการสื่อสารแบบเรียลไทม์อย่างมีประสิทธิภาพ และทำลายอุปสรรคที่ก่อปัยหาชุมชนผู้มีปัญหาทางการได้ยินมานานแล้ว

“โครงการ Solve for Tomorrow เป็นจุดที่สามารถใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมที่ทีมของเราใช้ในการทดสอบ และปรับปรุงแนวคิด เรารู้สึกตื่นเต้น และภูมิใจอย่างมากที่ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ และเราหวังว่าโซลูชันของเราจะเข้ามาช่วยยกระดับชีวิตของผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางชีวิตของเรา เราจะยังคงใช้พลังของเทคโนโลยีนี้ต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมมากขึ้น” คริสโตเฟอร์ แองเจโล หัวหน้าทีม Hearable จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง กล่าว

“สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจอย่างมากก็คือการที่นักศึกษานำเทคโนโลยีไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น AR และ AI เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคมของเรา ผมมั่นใจว่าความรู้ทางด้านเทคนิคและความเชี่ยวชาญที่ทีมต่างๆ ได้รับจากการแข่งขันครั้งนี้จะกลายเป็นทรัพยากรที่ทรงค่าสำหรับอนาคตของพวกเขา และเราหวังว่าความสำเร็จของพวกเขาจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนร่วมสถาบันคนอื่นๆ ด้วย” ทิโมธี โลว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Halogen Foundation Singapore และหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินของโครงการ Solve for Tomorrow กล่าว

ใช้นวัตกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต

คริสโตเฟอร์ และไมเคิลต้องการที่จะสร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อสังคมโดยใช้เทคโนโลยี พวกเขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินต่อไป พวกเขาเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วมมากขึ้น

หากมองไปในอนาคต นักศึกษากลุ่มนี้มองเห็นภาพอนาคตที่ผู้คนนำเทคโนโลยีของพวกเขาไปใช้งานอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางการได้ยินทั่วโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ เป้าหมายของพวกเขาคือการขยายขอบเขตแนวคิดของตนเองให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มาร่วมกันสนับสนุนวิสัยทัศน์ของพวกเขาในการทำให้คุณภาพชีวิตของผู้พิการทางการได้ยินดีขึ้นกันดีกว่า