การดูแลสุขภาพผ่านนวัตกรรมใหม่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีราคาจับต้องได้ยังคงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่มีอยู่ทั่วโลก เครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น อาทิเช่น ชุดคัดแยกพลาสมิด มีความสำคัญต่อการผลิตวัคซีนและการรักษาโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามยังคงมีอยู่หลายประเทศ รวมทั้งตุรกี ที่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในลักษณะนี้ เนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้าชุดอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งมีราคาแพงมาก

อัสมิน รานา อัพวาร์และแอลป์ คากิโรกูล นักศึกษาสองคนจากอิสตันบูลมีความต้องการที่จะทำให้บริการทางการแพทย์สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีราคาประหยัด ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงเข้าร่วมโครงการ Solve for Tomorrow ของ Samsung ในตุรกี ถ้าจะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2020 โครงการ Solve for Tomorrow ของ Samsung ในตุรกีกลายเป็นผู้นำในการส่งเสริมทักษะด้านเทคโนโลยีที่จำเป็น และสามารถเข้าถึงเหล่านักศึกษามากกว่า 5,500 คน ให้พวกเขาเหล่านี้มีแรงบันดาลใจนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากกว่าเดิม จากนั้นนักศึกษาทั้งสองคนที่เรากล่าวถึงข้างต้นก็ได้เริ่มต้นการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน พวกเขาต้องการสร้างโซลูชันทางการแพทย์ที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน

ผู้บุกเบิกโซลูชันในประเทศเพื่อใช้ทางการแพทย์

อัสมินและแอลป์จึงร่วมกันพัฒนาชุดพลาสมิดราคาถูกที่ผลิตได้เองภายในประเทศเพื่อรองรับการรักษาโรคเบาหวาน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาการการซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นจากต่างประเทศ ความก้าวหน้าของพวกเขาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิตอินซูลินที่จำเป็นสำหรับการรักษาโรคเบาหวานเท่านั้น แต่ยังเป็นโซลูชันที่ขยายขอบเขตได้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์แขนงอื่นๆ ด้วย เป้าหมายที่ชัดเจนของพวกเขาก็คือรูปแบบการผลิตพลาสมิดที่มีประสิทธิภาพและราคาประหยัดโดยใช้วัสดุจากในประเทศ โครงการของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการดำเนินการวิจัยอย่างพิถีพิถันและการทดสอบเทคนิคต่างๆ เพื่อทำให้พลาสมิดที่พวกเขาผลิตได้ยังคงความบริสุทธิ์ไปพร้อมๆ กับใช้งานได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

การที่พวกเขาใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นสามารถลดต้นทุนการผลิตอินซูลินลงไปได้อย่างมาก รวมทั้งกำจัดความยุ่งยากทางด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าชุดอุปกรณ์ที่จำเป็นเหล่านี้อีกด้วย แนวทางที่สร้างสรรค์ของพวกเขาทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับประกันราคาอุปกรณ์ที่ผู้คนจับต้องได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย ซึ่งช่วยกรุยทางไปสู่การดูแลสุขภาพที่พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น แอสมินกล่าวว่า “ความฝันที่เกิดขึ้นในห้องนอนของฉันตอนสมัยอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 10 เป็นจริงขึ้นมาได้ก็เพราะโครงการ Solve for Tomorrow ซึ่งให้การช่วยเหลือและคำแนะนำอันล้ำค่ากับฉันนั่นเอง”

ก้าวแรกสู่ความเท่าเทียมกันด้านสุขภาพระดับโลก

โครงการ PlasmiGenomix มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีราคาแพง จากนั้นโครงการนี้ได้กลายเป็นโครงการที่มีศักยภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดโครงการที่คล้ายคลึงกันนี้ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของประเทศต่างๆ การลดการพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีราคาแพงของเยาวชนกลุ่มนี้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป้าหมายที่ 3 (SDG3) เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนจะใช้ชีวิตและมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับผู้คนในทุกช่วงอายุขัยอีกด้วย “โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะพัฒนาวิธีการที่ใช้วัสดุภายในประเทศแบบใหม่เพื่อให้ได้พลาสมิดบริสุทธิ์ เพราะราคาค่างวดของชีวิตไม่ควรขึ้นอยู่กับราคาของยา” ทีมงานกล่าว

แนวทางนวัตกรรมใหม่ของอัสมินและแอลป์ในการผลิตวัคซีนและการป้องกันโรคแสดงให้เราเห็นว่าโซลูชันในประเทศก็สามารถส่งผลกระทบในระดับโลกได้เช่นกัน โครงการ Solve for Tomorrow ของ Samsung ช่วยให้เยาวชนได้รับเครื่องมือและการส่งเสริมที่จำเป็นเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก จากนั้นพวกเขาจะสามารถสร้างอนาคตในด้านการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและเท่าเทียมกันมากขึ้น